โรงงานอบลำไยระเบิดที่สันป่าตอง
บทความนี้เรียบเรียงเมื่อ พ.ศ.2559 (อัพเดท 2563)
เวลาอันโหดร้ายผ่านไปแสนรวดเร็ว ย้อนกลับไปเมื่อ 21 ปีที่แล้ว (2542-2563) เวลาประมาณ 10 โมงเช้าของวันที่ 19 กันยายน ปี 2542 ชาวบ้านหนองแท่น หมู่ 2 ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ กำลังใช้ชีวิตประจำวันกันตามปกติ ออกไปทำงานตามเรือกสวนไร่นาและพักผ่อนในบ้าน คนงาน ที่ทำงานอยู่ในโรงงานลำไยอบแห้ง บริษัท หงษ์ไทยเกษตรพัฒนา จำกัด กว่า 30 คน กำลังขนย้ายสารโพแทสเซียมคลอเรต เข้าไปเก็บไว้ในโรงงานเพื่อผสมปุ๋ยเร่งลำไย ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของโรงงาน ทันใดนั้นได้เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง 2 ครั้ง เสียงดังกึกก้องไปทั่ว
แรงระเบิดสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างในรัศมี กว่า 1 กิโลเมตร บ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างพังราบเป็นหน้ากลอง และเกิดไฟลุกไหม้ ชาวบ้านต่างวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ได้ยินเสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนได้ในรัศมีกว่า 5 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน เข้าตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตทันที 36 คน บาดเจ็บ 102 คน บ้านเรือนพังเสียหาย 517 หลัง นับเป็นหายนะที่รุนแรงที่สุด
รายการข่าวดังข้ามเวลา ซึ่งออกอากาศทางช่อง MCOT HD ได้ถ่ายทำรายการตอน 2542 สันป่าตองวิปโยค โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุโศกนาฏกรรมโรงงานอบลำไยระเบิด ที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
และเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา ศาลฏีกาสั่งจำคุกผู้จัดการ 10 ปี คดีโรงงานอบลำไยระเบิด ญาติผู้ตาย 36 รายพอใจหลังต่อสู้มานาน 17 ปี เดินหน้าฟ้องแพ่งเรียกชดเชย 206 ล้านบาท ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 15 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ นายชมเชษฐ์ จรัสกร ผู้พิพากษา ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่พร้อมโจทก์ร่วม 17 คน ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 คือ บริษัท หงษ์ไทยเกษตรพัฒนา จำกัด , จำเลยที่ 2 นายปธาน ตรีฉัตร ผู้จัดการ , จำเลยที่ 3 นายเทิดพันธ์ ฉันทะโรจน์ศิริ ประธานกรรมการบริหารบริษัท และ จำเลยที่ 4 นายลีหงเหินหุ้นส่วนชาวไต้หวัน ในฐานความผิด พ.ร.บ.โรงงาน จากเหตุการณ์โรงงานอบลำไยของบริษัทหงษ์ไทยเกษตรพัฒนา เกิดระเบิดเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2542 จนมีผู้เสียชีวิตถึง 36 ราย บาดเจ็บ 102 คน และ ยังมีบ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้จำเลยทั้ง 4 ที่เป็นผู้บริหารโรงงาน ให้มีความผิดในข้อหาโยกย้ายยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และ สั่งปรับ 90,000 บาท ส่วนข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลยกฟ้อง
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้มีคำตัดสินให้จำคุกจำเลยที่ 2 และ 3 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และ จำคุกนาย ลี หง เหิน ซึ่งหลบหนีไปเป็นเวลา 10 ปี
ล่าสุดศาลฏีกาได้ตัดสินทั้งหมด 3 ความผิด คือ 1.การคุ้มครองความปลอดภัยในสถานประกอบการ 2.การเคลื่อนย้ายสารยุทธภัณฑ์ หรือ สารอันตราย โดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3.ผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 291 ร่วมกันประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและได้รับอันตรายสาหัส
โดยมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 บริษัท หงษ์ไทยเกษตรพัฒนา จำกัด สั่งปรับเป็นเงินจำนวน 60,000 บาท จำเลยที่ 2 นายปธาน ตรีฉัตร ผู้จัดการ ที่เดินทางมาร่วมรับฟังคดีในวันนี้ สั่งจำคุก 6 ปี 10 เดือน 20 วัน ซึ่งได้ถูกควบคุมตัวทันทีหลังจากฟังคำพิพากษาเสร็จ
ส่วนจำเลยที่ 3 นายเทิดพันธ์ ฉันทะโรจน์ศิริ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ที่ไม่ได้มารับฟังตั้งแต่การพิจารณาในช่วงที่ผ่านมา โดยอ้างว่าต้องเข้ารับการผ่าตัด ศาลเห็นว่ามีพฤติกรรมที่จะหลบหนี จึงให้ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ให้จำคุก 10 ปี 2 เดือน และ จำเลยที่ 4 นายลี หง เหิน หุ้นส่วนชาวไต้หวัน ที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้และไม่ได้มาฟังคำพิพากษาเช่นกัน ให้จำคุก 10 ปี และออกมาหมายจับ
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม : ข่าวสามมิติ, รายการข่าวดังข้ามเวลา และสำนักข่าวไทย (พ.ศ.2559)