เรียบเรียงข้อมูลโดย สันป่าตองคลับ
ภาพประกอบจาก Patiwat Pisudsiripaisan (ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล)
หลายครั้งที่ประชาชนอย่างเรา ๆ เคยชินกับความสะดวกสบายจนลืมไปว่า เบื้องหลังความสะดวกสบายนั้น อาจมีใครอีกหลายคนที่กำลังอำนวยความสะดวกให้เราอยู่ อาชีพพนักงานการไฟฟ้า เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละอยู่เบื้องหลังแสงไฟส่องสว่าง โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าจะต้องเจอกับเรื่องร้ายแรงขึ้นวันใด
ทั้งนี้ขอนำเสนอเรื่องราวของ คุณ mappy1327 หนึ่งในพนักงานการไฟฟ้า ที่ได้โพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์ www.guideubon.com ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2555 โดยเล่าถึงเรื่องราวที่พบเจอจากอาชีพการทำงาน ซึ่งเขาต้องการให้เรื่องจริงที่ใครหลาย ๆ คนไม่รู้ ได้สะกิดใจให้ทุกคนฉุกคิดถึงความลำบากของคนรอบกาย มากกว่าคำนึงถึงความสุขสบายของตนเอง โดยมีเนื้อหาดังนี้
“ผมพนักงานการไฟฟ้าอยากจะเล่าเรื่องให้ฟังหน่อย เมื่อ 2 ปีก่อน ผมเข้าเวรเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่า ๆ มีโทรศัพท์แจ้งมาว่าไฟดับ พนักงานไปดูหน้างานตรวจดูแล้วหม้อแปลงพัง จากลักษณะประเมินแล้วว่า มันอันตรายเกินไปที่จะทำการเปลี่ยนหม้อแปลงในตอนกลางคืน แต่มีชาวบ้านโทรมาด่าว่าการไฟฟ้าว่า ทำไมไม่มาทำให้ไฟติด รู้ว่าไหมว่ามีหมอลำ ชาวบ้านกำลังสนุก
น้องพนักงานหน้างานโทรมาหาผม ผมก็ตอบไปว่า ต้องถามร้อยเวรก่อน (เดี๋ยวนี้เขาเรียก EO ไม่มีร้อยเวรแล้ว) เพราะพี่แกบอกว่ามันอันตรายเกินไป คงต้องเป็นตอนเช้า ซึ่งประเมินแล้วว่าไฟดับในวงแคบ เพียงหมู่บ้านเล็กๆ 1 หมู่บ้าน (ซึ่งปกติสามทุ่มก็นอนกันหมดแล้วและสายนั้นอยู่ไลน์เมน ซึ่งการดับไฟเพื่อทำงาน จะกระทบเป็นวงกว้างระดับข้ามอำเภอ) แต่ว่าเขามีงาน เราก็เข้าใจ ดังนั้น พี่หัวหน้าชุดเลยตัดสินใจทำโดยไม่ดับไฟ และในขณะที่เราเตรียมอุปกรณ์มีสายโทรเข้ามาด่าว่าตลอดเวลา เราเตรียมรถเครนยกหม้อแปลงขึ้นรถ เตรียมรถกระเช้าไฟฟ้า และทีมงาน 2 ชุด
เรารู้ว่าเสี่ยงแต่ต้องทำและก็มีเสียงบอกผมว่าไม่ต้องไป ให้แสตนด์บายที่นี่เผื่อไฟฟ้าดับที่อื่น ผมก็นอนรออยู่ที่ห้องเวรน้องสุดเลิฟเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจ คงกำลังจะทำเสร็จแล้ว จากนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาบอกว่า พนักงาน 2 คน ถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อตเลือดออกทวารทั้งหมด ผมใจหายวาบ มือไม้สั่น พี่แกให้ผมเอารถออกด่วน
ผมไปถึงเห็นแต่คราบเลือดและรอยถูกไหม้ ส่วนคนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลโนนคูณที่ใกล้ที่สุด แต่โรงพยาบาลเล็กเอาไม่ไหว จึงส่งต่อโรงพยาบาลใหญ่ (ศูนย์) สรุปว่ายื้อชีวิตไม่อยู่ ทั้ง 2 เสียชีวิตตอน ตี 4 อยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ จริง ๆ ตายตั้งแต่โรงพยาบาลโนนคูณแล้ว พวกคุณรู้ไหมว่าผมต้องทำต่อจากที่เขาทำทิ้งไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต เสร็จตอนตีสาม ข่าวร้ายตีสี่ แลกกับ 2 ชีวิตเพื่อที่จะทำให้ไฟฟ้าติดและได้คำด่าที่แสนจะเจ็บปวด คนที่ตายอายุ 27 ปี เป็นพ่อคนได้ไม่ถึง 6 เดือน ที่พวกเราทุกคนเห็นแล้วน้ำตาไหล คือ เราเห็นเมียของน้องเขาร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ส่วนอีกคนอายุ 49 ปี ลูกยังเรียนไม่จบสักคน
ผมอยากจะบอกว่า คนเราใจร้อนขึ้น สบายจนเคยตัว ไฟดับไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พวกเราจะเป็นจะตายกัน อันนี้หมายถึงผมด้วย เพราะต้องเปิดแอร์เกือบตลอด ทั้งๆ ที่น้ำไม่ไหล 2 วัน ไม่เห็นคนบ่นเท่าไฟฟ้าดับเพียงครึ่งชั่วโมง เขาไม่ได้เรียกใช้แล้วครับ แบบนี้เขาเรียกกว่าเสพไฟฟ้าครับ ของทุกอย่างมันมีขั้นตอนครับ ยิ่งกับไฟฟ้ายิ่งต้องชัวร์ พวกเราไม่อยากให้ไฟดับหรอกครับ เพราะยิ่งดับ รายได้ไฟฟ้ายิ่งน้อย ถามว่าคุ้มไหมกับ OT เข้าเวร แต่มันก็ไม่มีค่าเท่าชีวิตคนหรอกครับ
ผมคนอุบลฯ แต่ต้องไปทำงานต่างอำเภอ กลับบ้านมาไฟดับ ผมก็โทรแจ้งหน้างานนั้นๆ แล้วก็รอ จะนานเป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมงผมก็จะรอ (เข้าใจพวกเดียวกัน) เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ไฟฟ้าจะดับเกิน 1 วัน นอกจากมีงานปรับปรุงระบบ แต่ก็จะมีการแจ้งก่อนเสมอ หรือมหาอุทกภัย ยังไงผมก็ฝากทุกท่านใจเย็น ๆ กันหน่อย พวกเราจะรับใช้พวกท่านเสมอ แต่ก็ขอให้ทุกคนเข้าใจเราบ้างก็พอ เพราะเราเสี่ยงทุกวันไม่รู้จะตายตอนไหน
ผมสอบเข้ามาทำงานก็ภูมิใจมากแล้ว แต่พวกเขาให้ผมกรอกว่า เวลาผมตายทรัพย์สินและสิทธิประโยชน์จะมอบให้ใคร ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน แค่เห็นใบนี้ก็สยองเลยครับ (เตรียมตัวตายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำงานเลย) ไฟฟ้าทำประกันให้อีกเพียบ (เมียมันจะไม่ลอบฆ่าเอาเหรอถ้ามันรู้) แต่ก็ภูมิใจและยินดีบริการ แต่เวลาโทรมาก็อย่าด่ากันนะครับ ขอร้องล่ะ แจ้งเท็จอีกเพียบ สารพัดจะเจอเลยล่ะครับ ขอฝากละกันนะครับ
ส่วนฝนตกทำไมไฟดับ สารพัดสาเหตุเลยครับ ถ้าอยากรู้ วันไหนฝนตกแรงๆ ไปนั่งกับผมอยู่ห้องเวรอำเภอกันทรลักษ์ก็ได้ (แค่อำเภอขนาดไม่ใช่จังหวัด) ถ้าตรงกับวันที่ผมเข้าเวรแล้วจะรู้ว่าเราลำบากแค่ไหน”
อย่างไรก็ตาม หลังจากข้อความดังกล่าวได้ถูกโพสต์ลงไป ก็ได้มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ข้อความดังกล่าวอาจจะมาจากฟอร์เวิร์ดเมลที่เป็นเรื่องแต่งขึ้น ซึ่งในเวลาต่อมา คุณ mappy1327 ได้โพสต์ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และหากใครติดใจสงสัยก็ยินดีให้ติดต่อมาได้ พร้อมเปิดเผยชื่อนามสกุลจริงว่า นายอัฐชากุล ลวดทอง เป็นพนักงานช่างแผนกบริการลูกค้าอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งขณะนี้ข้อความของเขาก็ยังคงถูกแชร์อยู่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เพราะถือเป็นเรื่องราวสะเทือนใจ สะท้อนสังคมที่ให้แง่คิดดีๆ อีกเรื่องหนึ่งนั่นเอง